เชื้อราบริเวณพื้น, ผนัง, ร่วมทั้งประตูและหน้าต่าง: ห้ามฉีดน้ําให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ํายาซักผ้าขาวที่ผสมน้ําในอัตราส่วน 1 ถ้วย (300 มิลลิลิตร) ต่อน้ําประมาณ 3. 8 ลิตร เช็ดคราบเชื้อรา ทิ้งไว้ 15? 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ํา
5. วอลเปเปอร์ ใช้กรดซาลิไซลิด ผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1:5 จากนั้นนำผ้ามาชุบไปเช็ดวอลเปเปอร์ซ้ำๆ ประมาณ 2-3 รอบ แต่ถ้าหากว่ามีเชื้อราอยู่มาก แนะนำให้รื้อทิ้งแล้วเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่ เพราะอาจมีการเพาะเชื้อมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง: naturalmedicineteam
Aspergillus
5 วิธีง่ายๆ กำจัด "เชื้อรา" บนผนัง-กำแพง ด้วยตัวเองไม่เป็นอันตราย
ปัญหาที่เกิดจากเชื้อราตามกำแพงบ้าน พื้นกระเบื้อง ไม้ เหล่านี้ นั้นสาเหตุหลักๆ คือ เกิดจากอากาศในห้องมีความชื้นและอับ หากบ้านใครที่มีแหล่งน้ำในบ้าน เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กในห้องน้ำ ถังรองน้ำในบ้านที่ไม่ปิดฝา ก็สามารถทำให้ภายในบ้านมีสภาพอากาศชื้นมากกว่าปกติ ทั้งยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นเราไม่ควรละเลยปล่อยให้อยู่ร่วมชายคาบ้านกับเราอีกต่อไป
1. เชื้อราบนพื้นกระเบื้อง หากพบเชื้อราให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ํายาซักผ้าขาวที่ผสมน้ําในอัตราส่วน 1 ถ้วย (300 มิลลิตร) ต่อน้ําประมาณ 3. 8 ลิตร เช็ดคราบเชื้อรา ทิ้งไว้ 15? 30 นาที แล้วจึงเช็ดออกด้วยน้ํา
2. ผนังบ้าน กำแพง ผสมน้ำและผงซักฟอกลงในถัง จากนั้นจุ่มเศษผ้าลงในน้ำที่มีฟองและเช็ดเชื้อราบนผนังอย่างเบาๆ ใช้ผ้าแห้งเช็ดรอยเปียกออกหนึ่งครั้ง เมื่อเสร็จแล้วให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดบริเวณโดยรอบเพื่อเอาสปอร์ของเชื้อราออกไปให้หมด
3. ผนังบ้าน กำแพง หรือนำไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำหนึ่งถ้วย จากนั้นนำส่วนผสมมาเช็ดถูและเช็ดตามด้วยเบกกิ้งโซดา? ช้อนชามาผสมกับน้ำหนึ่งถ้วย เพื่อฆ่าเชื้อราส่วนที่เหลือ
4.
เทน้ำยาทำความสะอาดที่ผสมน้ำแล้ว ลงในขวดสเปรย์ แล้วเขย่าให้เข้ากัน ต้องแน่ใจว่าเข้ากันจริงๆ เพื่อให้ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
5 ฉีดพ่นน้ำยาที่เจือจางแล้วที่ราเล็กน้อย. อย่าถึงกับชุ่ม เพราะพอผนังยิ่งชื้น แทนที่จะกำจัด เชื้อราจะยิ่งขยายวงกว้าง ให้พ่นน้ำยาที่รา 1 - 2 รอบ จนแน่ใจว่าทั่วถึง แต่อย่าให้ชุ่มโชกจนหยด
6 ขัดด้วยแปรงสีฟันเก่า. หรือจะใช้ฟองน้ำล้างจานด้านหยาบก็ได้ ให้ขัดบริเวณที่พ่นน้ำยาแล้วจนไม่เหลือเชื้อราหรือคราบดำ
7 เป่าแห้ง. ถ้าปล่อยให้บริเวณนั้นเปียกชื้นนานๆ เชื้อราจะขึ้นซ้ำได้ เพราะงั้นให้เปิดพัดลมจ่อไว้ จะได้แห้งเร็ว
8 ทาสีกันคราบ (stain-blocking paint). ถ้ายังเหลือคราบบางๆ หลังกำจัดราแล้ว ให้ลงสีรองพื้นกันคราบ (stain-blocking primer) แล้วทาสีทับเพื่อปกปิดร่องรอย
1 ปิดคลุมทั้งพื้นที่ด้วยแผ่นพลาสติก. ตอนกำจัดเชื้อรา สปอร์อาจกระจายจากผนังได้ ให้ป้องกันไม่ให้สปอร์ตกลงพื้น โดยปูผ้าใบหรือแผ่นพลาสติกทั้งที่พื้นห้องและบริเวณโดยรอบ แล้วติดเทปยึดไว้ให้แน่น
2 ทำสัญลักษณ์บอกจุดที่มีรา. เอาดินสอวาดสี่เหลี่ยมครอบราทุกจุดบนผนัง โดยวาดให้ห่างออกไปจากคราบ กินบริเวณประมาณไม้แป 2 แท่งหลังผนัง ถ้าแซะผนังเกินออกไปกว่าที่ควรจะเป็นอีกหน่อย จะช่วยกำจัดสปอร์ราที่อาจจะมีแต่มองไม่เห็น แถมซ่อมผนังส่วนนั้นได้สะดวกขึ้น
3 ใช้คัตเตอร์ตัดผนังส่วนนั้นออก.
เชื้อราบนผนัง ไม่ว่าจะเป็นผนังภายในและภายนอก เป็นสัญญาณว่าบริเวณนั้นอาจมีปัญหาเรื่องความชื้น จึงทำให้เชื้อราเติบโตได้ดี เชื้อราบนผนังอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่หลักๆ แบ่งออกได้เป็น 2 กรณี โดยมีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกัน ดังนี้
ผนังขึ้นรา
กรณีที่ 1 เกิดจากสภาวะอากาศทั่วไป
พื้นที่ดังกล่าวอาจประสบปัญหาเรื่องความชื้นโดยตรง มีสภาวะแวดล้อมและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเติบโตของเชื้อรา อาทิ ผนังบ้านภายนอกบริเวณชั้นล่างเกิดคราบเชื้อรา และผนังแตกล่อนมักเป็นผนังที่อยู่ติดกับสนามหญ้าและสวน จึงเป็นไปได้ว่าเกิดจากความชื้นของบริเวณดังกล่าวซึมผ่านผนัง
วิธีแก้ไขปัญหา
1. สำหรับ "ผนังภายนอก" ให้เริ่มลอกสีผนังออก โดยใช้เกรียงขูดผนังให้เรียบร้อย ส่วน "ผนังภายใน" ให้ขัดล้าง ขูดสี และกำจัดเชื้อราออก ควรทิ้งให้ผนังคายความชื้นประมาณ 1 วัน
2. สำหรับ "ผนังภายนอก" ให้ทาน้ำยากันซึมบนผิวผนังให้ชุ่ม ปล่อยให้แห้งสนิทก่อนทาสี ส่วน "ผนังภายใน" ทาน้ำยาฆ่าเชื้อราและตะไคร่น้ำ (ประเภทไมโครคิล) ปล่อยให้แห้งนาน 2-3 ชั่วโมง ก่อนทาสีทับ
3. ทาสีทับหน้าใหม่
กรณีที่ 2 เกิดจากปัญหารั่วซึม มีน้ำขัง
ผนังที่ขึ้นราอาจมาจากการดูดซับความชื้นจากที่อื่น นั่นหมายถึงมีจุดรั่วซึม อาทิ ท่อน้ำในผนังรั่ว ดาดฟ้ามีน้ำขัง หรือมีรอยแตกร้าว ฯลฯ ดังนั้นควรหาสาเหตุหลักให้พบก่อนว่าที่มาของความชื้นดังกล่าวเกิดจากอะไร บริเวณไหน และดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มซ่อมแซมผนังต่อไป
วิธีแก้ปัญหา
1.
- 5 วิธีง่ายๆ กำจัด ''เชื้อรา'' บนผนัง-กำแพง ด้วยตัวเองไม่เป็นอันตราย
- วิธีแก้ห้องชื้น เชื้อรา ขึ้นห้องบุกผนังและซอกหลืบในบ้าน | MThai.com | LINE TODAY
- Exxon เงินเดือน ป โท มสธ
- ผนัง ห้อง เป็น เชื้อรา ภาษาอังกฤษ
- วิธีการ กำจัดราบนผนังยิปซั่ม (Drywall) (พร้อมรูปภาพ) - wikiHow
- Tory burch เป้ ไฮร็อค
สำหรับ "ผนังภายนอก" ให้เริ่มลอกสีผนังออก โดยใช้เกรียงขูดผนังให้เรียบร้อย ส่วน "ผนังภายใน" ให้ขัดล้าง ขูดสี และกำจัดเชื้อราออก ควรทิ้งให้ผนังคายความชื้นประมาณ 1วัน
2. สำหรับ "ผนังภายนอก" ให้ทาน้ำยากันซึมบนผิวผนังให้ชุ่ม ปล่อยให้แห้งสนิทก่อนทาสี ส่วน "ผนังภายใน" ทาน้ำยาฆ่าเชื้อราและตะไคร่น้ำ (ประเภทไมโครคิล) ปล่อยให้แห้งนาน 2-3 ชั่วโมง ก่อนทาสีทับ
3. ทาสีทับหน้าใหม่
กรณีที่ 2 เกิดจากปัญหารั่วซึม มีน้ำขัง
ผนังที่ขึ้นราอาจมาจากการดูดซับความชื้นจากที่อื่น นั่นหมายถึงมีจุดรั่วซึม อาทิ ท่อน้ำในผนังรั่ว ดาดฟ้ามีน้ำขัง หรือมีรอยแตกร้าว ฯลฯ ดังนั้นควรหาสาเหตุหลักให้พบก่อนว่าที่มาของความชื้นดังกล่าวเกิดจากอะไร บริเวณไหน และดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มซ่อมแซมผนังต่อไป
วิธีแก้ปัญหา
1. หลังซ่อมแซมจุดรั่วซึมหรือน้ำขัง อันเป็นที่มาของผนังขึ้นรา ให้เริ่มสกัดหน้าผิวปูนออก เพื่อระบายความชื้นที่สะสมในผนัง และรอจนผนังแห้งสนิท
2. ใช้น้ำยาอะคริลิคร้อยเปอร์เซ็นต์ผสมกับปูนฉาบ เพื่อช่วยป้องกันการรั่วซึม โดยนำมาฉาบผนัง เก็บงานให้เรียบร้อย แล้วปล่อยให้แห้งสนิท
3.
น้ำยาฟอกขาว
ภาพ: น้ำยาฟอกขาว
วิธีนี้ถือเป็นวิธีกำจัดราดำบนผนังด้วยสารเคมี ซึ่งมีส่วนผสมของคลอรีน ทำให้กำจัดได้ทั้งเชื้อรา ราดำ และตะไคร่น้ำ โดยใช้น้ำยาฟอกขาวหรือสารฟอกขาวผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:99 แล้วนำมาใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดให้ทั่วบริเวณที่มีเชื้อราบนผนัง แล้วเช็ดด้วยน้ำสะอาด และขัดด้วยแปรงสีฟันอีกรอบหนึ่ง จะช่วยกําจัดเชื้อราบนผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ภาพ: ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ใส่แผลขนาดเล็ก
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์อ่อน มักใช้ป้องกันแผลติดเชื้อ นิยมใช้กับแผลขนาดเล็ก รวมไปถึงใช้บ้วนปากป้องกันการติดเชื้อในช่องปากได้อีกด้วย เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อที่หาซื้อได้ง่าย และยังนำมาใช้กําจัดเชื้อราบนผนังได้อีกด้วย โดยนำไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำ 1 ถ้วย แล้วใช้ผ้าชุบน้ำที่ผสมแล้วเช็ดบนผนังที่มีเชื้อรา เมื่อเช็ดเรียบร้อยแล้ว นำเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยผสมกับน้ำสะอาด 1 ถ้วย เช็ดบริเวณเดิมอีกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อราเกิดใหม่
5. แก้ปัญหารั่วซึม
ภาพ: การทำกันซึมที่ผนัง
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าปัญหาเชื้อราบนผนังนั้นเกิดจากการรั่วซึมในผนังบ้าน ไม่ว่าจะจากฝนสาดเข้าผนังหรือจากท่อน้ำรั่วซึม ดังนั้นการทำกันซึมที่ได้มาตรฐานก่อนปูกระเบื้องผนังหรือทาสี เป็นวิธีกำจัดราดำบนผนังจากต้นเหตุ โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันซึมที่ยึดเกาะได้ดี ทนต่อสภาวะอากาศหรือรังสี UV อย่างจระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ ซีเมนต์ทากันซึม ที่ใช้งานง่ายเพียงผสมน้ำแล้วทาก่อนปล่อยให้แห้งแล้วจึงทาสี ปูกระเบื้อง หรือจะปล่อยเปลือยก็ได้เช่นกัน
6.